หากผู้เช่าซื้อไม่ได้ส่งค่างวดรถมาเป็นเวลานานจนทำให้บริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้องคดีต่อศาลแล้ว ผู้เช่าซื้อจะได้รับหมายศาลเพื่อเรียกตัวไปศาลเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยหมายศาลจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคดี เช่น ชื่อผู้ฟ้อง ผู้ถูกฟ้อง มูลคดี และวันเวลานัดหมาย
เมื่อผู้เช่าซื้อได้รับหมายศาลแล้ว ควรดำเนินการดังนี้
- ตรวจสอบรายละเอียดในหมายศาล ว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
- เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญาเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ
- ติดต่อทนายความ เพื่อขอคำปรึกษาและดำเนินการทางกฎหมาย
หากผู้เช่าซื้อไม่ดำเนินการตามหมายศาล อาจถูกศาลออกหมายจับและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับการดำเนินคดีเกี่ยวกับค่าเช่าซื้อรถนั้น ศาลจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหากศาลเห็นว่าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อจริง ศาลอาจพิพากษาให้ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ศาลอาจพิพากษาให้ยึดรถคืนแก่บริษัทไฟแนนซ์ หากบริษัทไฟแนนซ์ได้แจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ต่อผู้เช่าซื้อแล้ว
ผู้เช่าซื้อที่อยู่ระหว่างถูกฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับค่าเช่าซื้อรถ มีสิทธิที่จะดำเนินการต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิของตนได้ดังนี้
- ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมด หากผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดแล้ว ศาลอาจยกฟ้องคดี
- ต่อรองกับบริษัทไฟแนนซ์ หากผู้เช่าซื้อไม่สามารถชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดได้ อาจทำการเจรจาต่อรองกับบริษัทไฟแนนซ์เพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่น การผ่อนชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ หรือ การคืนรถคืนโดยชำระค่าส่วนต่าง
- ปรึกษาทนายความ หากผู้เช่าซื้อไม่พอใจกับการกระทำของบริษัทไฟแนนซ์ อาจทำการปรึกษาทนายความเพื่อขอความช่วยเหลือ