อาการเท้าบวมช่วงเย็นอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น
- โรคหลอดเลือดดำบกพร่อง มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดดำที่ไม่สามารถส่งเลือดกลับเข้าสู่หัวใจได้ ทำให้เลือดคั่งบริเวณขาและเท้า อาการบวมจะมักพบในช่วงเย็นหรือหลังยืนนานๆ
- โรคตับแข็ง เกิดจากการทำลายของตับ ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดของเหลวได้ ทำให้น้ำคั่งในร่างกาย อาการบวมจะพบบริเวณขาและเท้า
- โรคไตวายเรื้อรัง เกิดจากการเสื่อมของไต ทำให้ไตไม่สามารถขับน้ำออกจากร่างกายได้ ทำให้น้ำคั่งในร่างกาย อาการบวมจะพบบริเวณขาและเท้า
- การตั้งครรภ์ เกิดจากความดันเลือดในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้เลือดคั่งบริเวณขาและเท้า อาการบวมจะพบบริเวณขาและเท้า โดยเฉพาะช่วงท้องโต
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่เกิดจากความดันเลือดสูง โปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ และมีอาการบวมน้ำ อาการบวมจะพบบริเวณขาและเท้า
- ยาบางชนิด ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคหัวใจ ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้
- สาเหตุอื่นๆ เช่น การติดเชื้อที่เท้า เส้นเลือดขอด โรคภูมิแพ้ โรคเกาต์ เป็นต้น
หากมีอาการเท้าบวมช่วงเย็น ควรสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวด ร้อน แดง คัน ร่วมด้วยหรือไม่ หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย หรือมีอาการบวมมาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำสำหรับการดูแลตนเองเมื่อมีอาการเท้าบวม
- ยกเท้าให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ใส่ถุงน่องรัดกล้ามเนื้อ หรือถุงน่องเส้นเลือดขอด เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินนานๆ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
หากอาการบวมไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรไปพบแพทย์