การที่ที่ดินถูกครอบครองปรปักษ์ หมายความว่า บุคคลอื่นเข้ามายึดถือครอบครองที่ดินโดยความสงบ เปิดเผย และโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี จะทำให้บุคคลนั้นได้รับกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นไปโดยปริยาย เจ้าของที่ดินเดิมจะไม่สามารถอ้างสิทธิในที่ดินนั้นได้อีกต่อไป
เจ้าของที่ดินเดิมที่ที่ดินถูกครอบครองปรปักษ์ มีสิทธิที่จะดำเนินการต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิของตนได้ ดังนี้
- ฟ้องร้องบุคคลผู้ครอบครองปรปักษ์ เพื่อให้ศาลระงับการครอบครองปรปักษ์และคืนที่ดินให้แก่เจ้าของที่ดินเดิม
- ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาแก่บุคคลผู้ครอบครองปรปักษ์ ในข้อหาบุกรุก
- แจ้งความต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เพื่อให้ระงับการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่บุคคลผู้ครอบครองปรปักษ์
ในการฟ้องร้องบุคคลผู้ครอบครองปรปักษ์ เจ้าของที่ดินเดิมจะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าที่ดินนั้นเป็นของตน บุคคลผู้ครอบครองปรปักษ์ได้เข้ามายึดถือครอบครองที่ดินโดยความสงบ เปิดเผย และโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี และเจ้าของที่ดินเดิมไม่เคยสละสิทธิในที่ดินนั้น
ในการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เจ้าของที่ดินเดิมจะต้องแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกบุกรุก ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้บุกรุก และหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าของที่ดินเดิมจะต้องแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกโอนกรรมสิทธิ์ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้โอนกรรมสิทธิ์ และหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
หากเจ้าของที่ดินเดิมดำเนินการต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว แต่ไม่สามารถปกป้องสิทธิของตนได้ อาจต้องเสียที่ดินไปโดยปริยาย